ว่าด้วย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ปี 2559 Turn Back
2016-12-20 15:20:54
กลายเป็นประเด็นทางสังคมที่น่าจับตามอง กับเรื่องพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฉบับใหม่ ปี 2559
ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจาก สนช. มาหมาดๆ
วันนี้ผมจะสรุปเนื้อหาวรรคตอนที่สำคัญใน พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2559 มานำเสนอในข้อที่ใกล้ตัว
ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมจากฉบับเก่า เผื่อจะเป็นแนวทางและวิถีปฎิบัติสำหรับคนไอทีอย่างเราๆ
1. ประชาชน
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2550 | พ.ร.บ ปี 2559 | |
การเจาะระบบ ทำลายระบบ การเข้าถึงบัญชีของผู้อื่นด้วยวิธีการละเมิด | ไม่มีโทษเฉพาะ | เพิ่มโทษ |
การโพสต์ หรือนำเข้าข้อมูลเท็จ มาตรา14(1) ละเมิดผู้อื่น | ให้ตีความ,หมิ่นประมาทออนไลน์ | เน้นเอาผิดต่อการกระทำที่ประสงค์ต่อทรัพย์ |
การโพสต์ หรือการนำเข้าข้อมูลเท็จ มาตรา 14(2) กระทบความมั่นคง |
เอาผิดกับการนำเข้าข้อมูลที่ - เสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ - ทำให้เกิดการตื่นตระหนกแก่ประชาขน |
เพิ่มเติม - เสียหายต่อความปลอดภัยสาธารณะ - เสียหายต่อเศรษฐกิจ |
การโพสต์ ภาพตัดต่อ | ผิดเฉพาะภาพคนที่มีชีวิตอยู่ | ภาพคนตาย ก็อาจจะผิด |
ส่งข้อมูลหรืออีเมลปกปิดแหล่งที่มา (spam) โดยไม่เปิดช่องทางให้ยกเลิก หรือปฏิเสษการรับ | ปรับ 200,000 บาท | โทษปรับเพิ่มเป็น 2 เท่า |
2. ผู้ให้บริการ
2550 | 2559 | |
ปล่อยให้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฏหมาย หลังจากที่รับแจ้งแล้วเกิน 3 วัน | รับผิด ต่อเมื่อจงใจ สนับสนุนหรือยินยอม | เกินกำหนด ได้รับโทษเท่าผู้โพสต์ แต่ถ้าลบในเวลาที่กำหนดไม่ต้องรับโทษ |
การเก็บข้อมูลการใช้งาน (Log) | 90วัน เพิ่มเติมได้ไม่เกิน 1 ปี | 90 วัน เพิ่มเติมได้ ไม่เกิน 2 ปี |
3. รัฐฯ
2550 | 2559 | |
ข้อกำหนดการปิดกั้นเนื้อหา (Block) |
- สิ่งที่กระทบความมั่นคงของประเทศ - เกี่ยวกับการก่อการร้าย - ขัดต่อศีลธรรม ความงสบเรียบร้อยในสังคม |
เพิ่มเติมจากที่มี |
การยึด ทำลาย ข้อมูลที่ผิดกฏหมาย เช่น ภาพตัดต่อ | ไม่มีระบุ |
ให้ยึดทำลายได้ รวมทั้งผู้เก็บข้อมูลนั้นไว้ในเครื่องฯ ของตน ก็ให้ลบทำลาย มิเช่นนั้น จะมีโทษกึ่งหนึ่งของผู้โพสต์ |
การเข้าถึงข้อมูลที่เข้ารหัส | ไม่มี | เข้าถึงข้อมูลที่เข้ารหัสแบบ HTTPS ได้ |
การอนุมัติการปิดกั้นเว็บไซต์ (Block) | ผ่านศาล | ไม่ต้องผ่านศาล |
คณะกรรมการกลั่นกรองตรวจสอบ |
เดิมร่าง พรบ. มีคณะกรรมการตรวจสอบ 5 คน เพิ่มเป็น 9 คน (3 ใน 9 มาจากภาคเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน สื่อสารมวลชน ด้านไอทีหรือจากด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง) |
สำหรับข้อที่หลายคนเป็นกังวลกันอยู่ตอนนี้ ก็น่าจะมี 2 ข้อใหญ่ คือ
1. การให้อำนาจเข้าถึงข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ หลายฝ่ายก็เกรงว่าข้อมูลเหล่านั้นที่เป็นความลับต่างๆ เช่น ข้อมูลธุรกรรมการเงิน บัตรเครดิต จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป แต่ผมคิดว่าคงไม่ใช่ทุกกรณี แต่หากออกมาเป็นกฏหมายจริงก็น่ากลัวเหมือนกัน เพราะจะรับรองได้อย่างไรว่าข้อมูลจะไม่รั่วไหลไปสู่มือผู้ไม่หวังดี
2. การปิดกั้นเว็บไซต์โดยไม่ต้องผ่านอำนาจศาล แต่ให้อำนาจแก่กระทรวงดิจิตอลใช้การพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้น
ข้อนี้เองหลายฝ่ายก็เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม หากเนื้อหานั้นไม่ได้ผิดต่อกฏหมาย แต่อาจจะผิดต่อศีลธรรม ความสงบเรียบร้อย ด้วยคำจำกัดความทียังคลุมเครือ แต่ก็ได้เพิ่มคณะตรวจสอบ จาก 5 คน เป็น 9 คน
โดย 3 ใน 9 คนนั้น มาจากภาคเอกชน ก็น่าจะช่วยให้การกลั่นกรองเกิดขึ้นจากหลายส่วน และลดข้อกังขาลงได้บ้าง
ในข้อเสียก็มีข้อดี และในข้อดีก็อาจจะมีข้อเสีย
อยู่ที่ผู้ที่ได้อำนาจนี้ไป จะใช้มันอย่างถูกต้องและยุติธรรมหรือเปล่า